ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด คืออะไร? ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยในครั้งเดียว

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด โหนก กราม คาง

อยากมีใบหน้าเรียวสวยได้รูปสมใจในครั้งเดียว โดยไม่ต้องทำศัลยกรรมหลายครั้ง? การศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด อาจเป็นคำตอบที่คนไข้กำลังมองหา ศัลยกรรมปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยแก้ไขปัญหาโครงสร้างใบหน้าได้อย่างครอบคลุม ทั้งหน้าผาก โหนกแก้ม และกราม ให้คนไข้มีใบหน้าที่สมส่วน มีมิติ และดูอ่อนเยาว์ลง บทความนี้จะพาคนไข้ไปทำความรู้จักกับการศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุดอย่างละเอียด ว่าคืออะไร เหมาะกับใครบ้าง และจะช่วยเนรมิตใบหน้าในฝันของคนไข้ได้อย่างไร

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด คืออะไร

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด คือการผ่าตัดเพื่อปรับโครงสร้างใบหน้าให้ได้สัดส่วนที่สมดุลและอ่อนหวานขึ้น โดยมุ่งเน้นการแก้ไข 3 จุดหลักพร้อมกัน ได้แก่ การลดขนาดโหนกแก้ม การลดขนาดกราม และการปรับปลายคาง เพื่อแก้ไขปัญหาคางสั้น ยาว หรือไม่สมส่วน ให้ใบหน้าดูเรียวเล็กเป็นรูปตัว V อย่างเป็นธรรมชาติ 

การทำศัลยกรรมนี้ช่วยให้ใบหน้ามีสัดส่วนที่สมดุลและดูอ่อนหวานขึ้นในครั้งเดียว โดยไม่ต้องใช้สิ่งแปลกปลอม จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กและดูดีขึ้นอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริเวณที่ผ่าตัดมีเส้นประสาทสำคัญหลายตำแหน่ง เทคนิคการผ่าตัดจึงมีความละเอียดและต้องอาศัยทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด เหมาะกับใคร

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด เหมาะกับใคร

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุดเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนและสวยงามขึ้นอย่างถาวร โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้

  • มีกรามใหญ่ เหลี่ยม เบี้ยว หรือไม่เท่ากัน หากกรามของคนไข้ดูแข็งทื่อ ไม่สมดุล หรือทั้งสองข้างไม่เท่ากัน การผ่าตัดจะช่วยปรับให้เรียวเล็กลงและสมมาตร
  • คางไม่สมดุลกับใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นคนคางสั้น ทู่ มน หรือยื่นออกมาจนเกินไป ศัลยกรรมจะช่วยให้คางได้รูปรับกับใบหน้ามากขึ้น
  • โหนกแก้มสูงชัดเจน สำหรับคนที่มีโหนกแก้มเด่นชัดจนทำให้หน้าดูแข็งหรือไม่ละมุน การปรับลดโหนกแก้มจะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนหวานขึ้น
  • ต้องการลดขนาดใบหน้าให้เรียวเล็กถาวร หากคนไข้อยากให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงอย่างถาวร การปรับโครงสร้างใบหน้าจะตอบโจทย์ได้ดี
  • อยากให้ใบหน้าดูละมุน เรียว และสมดุลขึ้น โดยรวมแล้ว การศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุดจะช่วยให้ใบหน้าของคนไข้ดูอ่อนโยน มีมิติ และได้สัดส่วนที่ลงตัว
  • ต้องการเพิ่มความมั่นใจ หากรูปหน้าปัจจุบันทำให้คนไข้ไม่มั่นใจ การผ่าตัดนี้สามารถช่วยให้คนไข้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นได้

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุดแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุดจะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมดุลและสวยงามขึ้น โดยเน้นการแก้ไขปัญหาหลัก ๆ ดังนี้

  • ลดโหนกแก้ม สำหรับคนที่มีโหนกแก้มสูงหรือยื่นออกมา การผ่าตัดจะช่วยลดขนาดและปรับให้ใบหน้าดูมีมิตินุ่มนวลขึ้น ลดความแข็งของใบหน้าลง
  • ตัดกราม หากคนไข้มีกรามใหญ่หรือเหลี่ยม ศัลยกรรมจะช่วยลดขนาดความกว้างของกราม ทำให้กรอบหน้าดูเรียบเนียนและเรียวเล็กลง
  • ปรับปลายคาง ไม่ว่าจะเป็นคางสั้น ทู่ หรือยื่นออกมา การปรับปลายคางจะช่วยให้ใบหน้าของคนไข้ดูสมดุลมากขึ้น และได้รูปทรง V-line ที่เรียวสวยเป็นธรรมชาติ

จุดเด่นของศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด เหมาะกับใคร

การศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุดเป็นการผ่าตัดที่ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้สวยงามและสมดุลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

1. ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยทุกมิติ

ศัลยกรรมนี้จะช่วยปรับทั้งโหนกแก้ม กราม และคาง ไปพร้อมกัน ทำให้ใบหน้าของคนไข้ดูเรียวเล็ก ละมุน และเป็นธรรมชาติมากขึ้น รับรองว่าคนไข้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในทุกมุมมอง

2. แก้ไขปัญหาโครงหน้าที่ไม่สมส่วนได้ครบวงจร

ไม่ว่าจะเป็นปัญหากรามใหญ่ เหลี่ยม โหนกแก้มสูง คางไม่สมดุล หรือคางทู่ การผ่าตัด 3 จุดนี้สามารถแก้ไขได้ครบถ้วน ทำให้ใบหน้าของคนไข้ดูสมส่วนและได้รูปทรงที่ต้องการ

3. วางแผนแม่นยำ ประหยัดเวลาพักฟื้น

เมื่อทำพร้อมกันทั้ง 3 จุด การวางแผนจะแม่นยำกว่าการทำทีละส่วน และช่วยลดความไม่สมดุลที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังประหยัดเวลาพักฟื้น เพราะคนไข้พักฟื้นเพียงครั้งเดียวแต่ได้ผลลัพธ์ครบทุกจุด

4. ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมั่นใจขึ้น

ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้ใบหน้าของคนไข้ดูอ่อนเยาว์ มีมิติ และสมส่วนมากขึ้น ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนโครงหน้าให้สวยงามและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง

5. ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีการวางแผนขั้นสูง

ศัลยแพทย์จะวางแผนการผ่าตัดอย่างละเอียดโดยใช้ภาพถ่าย 3D CT scan และ X-ray เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำตรงตามความต้องการของคนไข้

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด มีอะไรบ้าง

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด คือการปรับโครงสร้างใบหน้าหลัก 3 ส่วน เพื่อให้ใบหน้าของคนไข้ดูเรียวสวยและสมส่วนมากขึ้น โดยแต่ละส่วนจะมีการผ่าตัดดังนี้

ศัลยกรรรมลดขนาดกราม

เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับรูปทรงกรามให้เข้ากับใบหน้าของคนไข้ โดยศัลยแพทย์จะตัดกระดูกกรามตั้งแต่บริเวณใต้หูลงมา นอกจากนี้ หากคนไข้มีกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่เกินไป ก็สามารถลดขนาดลงได้เช่นกัน เพื่อให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนการผ่าตัด

  1. ออกแบบรูปทรงกรามให้เหมาะสมกับรูปหน้าแต่ละบุคคล
  2. ตัดกระดูกกรามใต้ใบหูเป็นเส้นยาวเพื่อป้องกันเส้นกรามขรุขระ
  3. อาจผ่าตัดเพื่อลดขนาดของขากรรไกรล่างและกล้ามเนื้อกรามได้ ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง
  4. การผ่าตัดกล้ามเนื้อมัดกรามจะทำหากกล้ามเนื้อใหญ่ผิดปกติ
  5. ใช้ยาสลบในการผ่าตัด ระยะเวลาผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง
  6. พักฟื้นประมาณ 7 วัน

ศัลยกรรรมลดขนาดโหนกแก้ม

สำหรับการลดโหนกแก้ม ศัลยแพทย์จะทำการตัดกระดูกโหนกแก้มในมุม 45 องศา จากนั้นจะหมุนและย้ายกระดูกเพื่อให้โหนกแก้มดูเล็กลงและสมดุลกับใบหน้ามากขึ้น ที่สำคัญคือจะมีการยึดด้วยหมุดไททาเนียมสองชั้น เพื่อความปลอดภัยและความแข็งแรง

ขั้นตอนการผ่าตัด

  1. ออกแบบให้เข้ากับรูปหน้าและพิจารณาความนูนของโหนกแก้ม
  2. ตัดกระดูกโหนกแก้มแบบ L ที่มุม 45 องศา
  3. หมุนและย้ายกระดูกโหนกแก้มเข้าไปด้านในเพื่อให้ใบหน้าเรียวขึ้น
  4. จัดเรียงกระดูกและยึดด้วยหมุดไททาเนียมสองชั้นเพื่อความปลอดภัยและแน่นหนา
  5. หากจำเป็นจะผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มออกเพื่อให้ใบหน้าเรียวและไม่หย่อนคล้อย
  6. ใช้ยาสลบและพักฟื้นประมาณ 7 วัน

ศัลยกรรรมปลายคาง

ส่วนสุดท้ายคือการปรับรูปทรงคาง โดยศัลยแพทย์จะตัดและเคลื่อนย้ายกระดูกคาง ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมกับใบหน้าของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับความยาว ความกว้าง หรือระดับความยื่นของคาง เพื่อให้ใบหน้าดูเรียวและได้สัดส่วนที่สวยงามเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนการผ่าตัด

  1. ออกแบบการผ่าตัดกระดูกคางส่วนกลางในรูปแบบ T ตามลักษณะใบหน้า
  2. ตัดและเคลื่อนย้ายกระดูกคางเพื่อปรับรูปทรงและความยาว
  3. ปรับและจัดเรียงกระดูกให้เรียบเนียน ไม่มีขรุขระ
  4. ใช้เทคโนโลยี 3D-CT เพื่อระบุตำแหน่งเส้นประสาทและป้องกันความเสียหาย
  5. ใช้ยาสลบและพักฟื้นประมาณ 7 วัน

วัสดุและวิธีการผ่าตัดที่ปลอดภัยในการศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด

วัสดุที่ใช้ในการผ่าตัด

  • สกรูยึดกระดูก ใช้สกรูเกลียวที่ได้รับการรับรองจาก FDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) เพื่อยึดกระดูกให้แน่นหนา มั่นคง และปลอดภัยที่สุด
  • ไหมเย็บแผล  อียูเลือกใช้ไหมเย็บแผลเส้นเล็ก ที่แทบจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ที่สำคัญคือไหมสามารถละลายได้เอง คนไข้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตัดไหม

วิธีการผ่าตัด

  • เย็บแผลหลายชั้น ศัลยแพทย์จะเย็บแผลอย่างประณีตหลายชั้น ด้วยไหมที่แข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้แผลเปิด และยังช่วยลดความเจ็บปวด รวมถึงโอกาสเกิดแผลเป็นด้วย
  • เทคนิคที่ผ่านการพิสูจน์ วิธีการผ่าตัดที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่ามีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด โดยอ้างอิงจากข้อมูลสถิติและการวิจัยทางการแพทย์ เพื่อให้คนไข้มั่นใจในผลลัพธ์และปลอดภัยตลอดการรักษา

ยิ่งตัดกระดูกออกเยอะ ยิ่งดี จริงหรือไม่

การผ่าตัดโครงหน้าไม่ได้หมายความว่าตัดกระดูกเยอะแล้วจะดี เพราะการลดขนาดกระดูกมากเกินไปอาจทำให้ใบหน้าไม่สมดุล, ผิวหย่อนคล้อย, ใบหน้าดูผอมหรือแก่กว่าวัย, และเพิ่มความเสี่ยงต่อ ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น การติดเชื้อ หรือเส้นประสาทเสียหาย นอกจากนี้ กระดูกยังอาจงอกใหม่หรือเปลี่ยนรูปร่างในระยะยาวทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ

หลังผ่าตัดผิวคล้อยหรือไม่?

หลังผ่าตัดโครงหน้า เช่น การทุบโหนก ตัดกราม หรือทำวีไลน์ บางรายอาจประสบปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือหน้าคล้อย โดยเฉพาะหากมีการตัดกระดูกออกมากเกินไป หรือในผู้สูงอายุที่มีผิวหนังยืดหยุ่นน้อย เนื่องจากเมื่อโครงสร้างกระดูกลดขนาดลง ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อนจะขาดการพยุง ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยบริเวณขากรรไกรและคางได้

ข้อมูลการศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด ที่ควรรู้

ข้อควรรู้ก่อนทำศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด

หากคุณตัดสินใจทำศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด มีข้อมูลสำคัญบางอย่างที่คุณควรทราบเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม

  • ระยะเวลาการผ่าตัด การตัดโหนกแก้มใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนการผ่าตัดกรามและคางจะใช้เวลาประมาณ 1.5–2 ชั่วโมง โดยรวมแล้ว หากทำครบทั้ง 3 จุด อาจใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2–3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละเคส
  • วิธีการวางยา คุณจะได้รับยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ ที่จะดูแลคุณอย่างใกล้ชิดแบบ 1:1 ตลอดการผ่าตัด เพื่อความปลอดภัยและลดความกังวล
  • การนอนโรงพยาบาล ส่วนใหญ่คุณจะต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 1–2 คืน หลังผ่าตัดจึงจะสามารถกลับบ้านได้ อย่างไรก็ตาม ในบางเคส เช่น การลดโหนกแก้มเพียงอย่างเดียว คุณอาจสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกันหลังจากฟื้นจากยาสลบ แต่ต้องระมัดระวังการเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ
  • การเตรียมตัวก่อนมาโรงพยาบาล ก่อนการผ่าตัด คุณต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6–8 ชั่วโมง และงดวิตามินหรืออาหารเสริมต่าง ๆ อย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ นอกจากนี้ จะมีการตรวจร่างกายและ X-ray 3 มิติ อย่างละเอียดเพื่อวางแผนการผ่าตัดให้แม่นยำที่สุด
  • การตัดไหม แผลผ่าตัดส่วนใหญ่จะเย็บด้วยไหมละลาย จึงไม่ต้องกลับมาตัดไหม โดยไหมจะละลายและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเองภายในประมาณ 2 สัปดาห์
  • ระยะเวลาการพักฟื้น อาการบวมใหญ่จะลดลงภายใน 5–7 วันหลังผ่าตัด และคุณสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติภายใน 7 วัน รูปหน้าจะเริ่มเข้าที่ชัดเจนใน 4–6 สัปดาห์ และการฟื้นตัวเต็มที่พร้อมโครงหน้าที่เข้าที่สมบูรณ์จะใช้เวลาประมาณ 3–6 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุดมีอะไรบ้าง

การผ่าตัดปรับโครงหน้า 3 จุด ไม่ว่าจะเป็น ยุบโหนกแก้ม, ตัดกราม, หรือเลื่อนคาง เป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้การผ่าตัดปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มาดูกันว่ามีอะไรที่คุณต้องทำบ้าง

  • แจ้งประวัติสุขภาพ เช่น โรคประจำตัว, ยาทุกชนิดที่กำลังกินอยู่, และประวัติการแพ้ยาอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง
  • หยุดอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ การงดบุหรี่และแอลกอฮอล์จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
  • งด 6-8 ชั่วโมง คุณต้องงดอาหารและน้ำก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เพราะจะมีการใช้ยาสลบ การงดอาหารและน้ำจะช่วยป้องกันการสำลักระหว่างผ่าตัด
  • ปรึกษาศัลยแพทย์ งดยาแอสไพริน, วิตามินที่มีน้ำมัน, และอาหารเสริมที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด หรือตามคำแนะนำของศัลยแพทย์
  • นอนให้เต็มที่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่มีไข้ หรือมีอาการติดเชื้อในช่องปากและทางเดินหายใจก่อนวันผ่าตัด
  • ทำใจให้พร้อม เตรียมใจยอมรับกับอาการบวมและระยะเวลาการฟื้นตัวที่ต้องใช้ความอดทน
  • วางแผนลางาน วางแผนการลางานและเตรียมผู้ดูแลช่วยเหลือในช่วงพักฟื้นให้เรียบร้อย
  • ใส่ชุดสบาย ๆ เลือกชุดที่ใส่สบาย ถอดเปลี่ยนง่าย
  • ทำความสะอาด ล้างเล็บ ถอดเจล, เครื่องสำอาง, และคอนแทคเลนส์ออกให้หมดก่อนเข้าห้องผ่าตัด

การดูแลตัวหลังศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด

การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีหลังการผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัด

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วง 1 เดือนแรก

  • กิจกรรมที่ส่งผลต่อใบหน้า หลีกเลี่ยงการไอหรือการออกกำลังกายหนัก ๆ ที่อาจทำให้เกิดการเกร็งใบหน้า และงดเว้นการทำเลเซอร์ต่าง ๆ เช่น Fraxel หรือทรีตเมนต์ผิวหน้าอื่น ๆ
  • เครื่องดื่มและสารเสพติด งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด

การใส่ผ้ารัดหน้า

  • ระยะเวลา สวมผ้ารัดหน้าตลอด 1 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด
  • วิธีการสวม สวม 1 ชั่วโมง และถอดพัก 30 นาที (ยกเว้นช่วงบ้วนปาก, ทานอาหาร และนอนหลับ)
  • กรณีมีอาการบวมและแข็ง ถ้าใบหน้ามีอาการบวมและแข็ง ให้ใช้ผ้าก๊อซที่ได้รับจากโรงพยาบาลสอดบริเวณที่บวมเพื่อกดทับ และติดต่อโรงพยาบาลทันที (กรณีไม่มีผ้าก๊อซ สามารถใช้ผ้าขนหนูขนาดเล็กแทนได้)

การจัดการกับเลือดออกและการประคบ

  • ข้อควรระวัง ห้ามประคบร้อนโดยเด็ดขาด
  • เลือดออก ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด อาจมีเลือดไหลซึมออกทางปากหรือจมูกได้ ให้ใช้ผ้าก๊อซปิดที่จมูกและประคบเย็น หากผ้าก๊อซชุ่มเลือดภายใน 10 นาที ให้รีบติดต่อโรงพยาบาลทันที
  • การประคบ ประคบเย็นเป็นเวลา 4 วันแรกหลังผ่าตัด และเริ่มประคบร้อนหลังจากประคบเย็นแล้ว แต่เน้นประคบเฉพาะบริเวณใต้ตาหรือบริเวณที่ยังมีอาการบวม

การจัดการกับอาการปวด

  • ยาจากโรงพยาบาล ทานยาที่ได้รับจากโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่องและครบถ้วน ซึ่งจะมียาบรรเทาปวดอยู่แล้ว
  • ยาแก้ปวดเพิ่มเติม ถ้ามีอาการปวดรุนแรง สามารถทานยาแก้ปวดทั่วไป เช่น ไทลีนอล หรือซาร่า เพิ่มเติมได้ไม่เกิน 1-2 เม็ดต่อวัน

การรับประทานอาหาร

  • ช่วง 1 เดือนแรก เน้นอาหารเหลวละเอียด (น้ำปั่น/ซุป) เสริมน้ำโปรตีน 3-4 มื้อเล็ก ๆ เลี่ยงอาหารก่อท้องผูก (กล้วยดิบ, โจ๊ก, โยเกิร์ต, แลคโตส, ไฟเบอร์สูง) หากท้องเสียให้ทาน Smecta จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ (วันละ 1 ลิตร) เพื่อช่วยขับเสมหะ ลดบวม และดูแลช่องปาก
  • ช่วง 2 สัปดาห์แรก งดอาหารมันและอาหารรสจัด 
  • ช่วง 2 เดือนแรก งดอาหารแข็ง และอาหารที่เหนียวหนืด (เช่น ต๊อก, ลูกอม, หมากฝรั่ง, ปลาหมึก, หัวไชเท้า)

วิธีบ้วนปาก

  • ระยะเวลา บ้วนปากจนถึงวันถัดไปหลังตัดไหมในปากเท่านั้น
  • น้ำยาบ้วนปาก ผสม Hexamedine 20cc กับน้ำกลั่นบริสุทธิ์ 1 ลิตร คนให้เข้ากันก่อนใช้งาน (สามารถซื้อน้ำยาบ้วนปากเพิ่มเติมได้ตามร้านขายยา)
  • วิธีการบ้วน บ้วนปากทันทีที่ตื่นนอน และบ้วนทุก ๆ 2 ชั่วโมง แม้จะไม่ได้ทานอาหาร รวมถึงบ้วนหลังทานอาหารทุกมื้อและบ้วนก่อนนอน

การอาบน้ำและล้างหน้า

  • เทปสมานแผล หากมีเทปสมานแผลบริเวณขมับ ควรติดเทปกันน้ำก่อนอาบน้ำหรือสระผม และดึงออกทันทีหลังอาบน้ำหรือสระผม นอกจากนี้ หากเทปสมานแผลหลุดเนื่องจากโดนน้ำ ห้ามสัมผัสบริเวณแผล และควรเป่าให้แห้ง

อาการบวมและรอยช้ำ

  • รอยช้ำ รอยช้ำบริเวณที่ผ่าตัดจะค่อย ๆ จางหายไปภายในประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำ ควรป้องกันและหลีกเลี่ยงแสงแดด
  • ลดอาการบวม ในช่วง 1 เดือนแรกหลังผ่าตัด การเดินเล่นบ่อยๆ และการนอนหมอนสูงประมาณ 30 องศา จะช่วยลดอาการบวมได้เร็วขึ้น
  • กรณีดูดไขมันใบหน้าร่วมด้วย งดก้มหน้าในช่วง 1 สัปดาห์แรก และเทปที่ติดค้างอยู่จะหลุดออกเองประมาณ 2-3 วันหลังผ่าตัด

โปรแกรมการดูแลและพักฟื้นหลังศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุด

1. ป้องกันตั้งแต่ก่อนเริ่ม

 อียูเตรียมพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดและออกแบบการผ่าตัดมาเป็นอย่างดี เพื่อช่วยลดรอยช้ำและอาการบวมให้เหลือน้อยที่สุดตั้งแต่ก่อนที่คุณจะเข้าห้องผ่าตัดด้วยซ้ำ

2. ดูแลอย่างใกล้ชิดทันทีหลังผ่าตัด

หลังผ่าตัด อียูจะจัดเตรียมยาให้คุณทันที พร้อมใช้เลเซอร์เฉพาะทาง และฉีดยาที่ได้รับการรับรองว่ามีประสิทธิภาพสูง เพื่อช่วยให้คุณฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น

3. สอนวิธีดูแลตัวเองอย่างละเอียด

 อียูจะอธิบายเรื่องยาและการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดให้คุณเข้าใจอย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้อย่างมั่นใจ โดยจะมียาแก้ปวด, อุปกรณ์ฆ่าเชื้อ, ยาทาแผล และหน้ากากอนามัยเตรียมไว้ให้ครบครัน

4. ลดอาการบวมด้วยอุปกรณ์พิเศษ

 อียูมีอุปกรณ์ดูแลตัวเองที่รวมถึงที่ประคบเย็น ซึ่งได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อช่วยลดอาการบวมของคุณได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

5. ปรึกษาได้ตลอด ไม่ต้องกังวล

 อียูมีบริการพูดคุยปรึกษาแบบตัวต่อตัว (1:1) และเบอร์โทรฉุกเฉินให้คุณติดต่อได้ตลอดเวลา เพื่อให้คุณคลายความกังวลและรู้สึกอุ่นใจที่สุดในทุกขั้นตอน

ทำไมต้องเลือกศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุดที่โรงพยาบาลอียู

  • เทคนิค Mini-MAX: ผ่าตัดเล็ก ฟื้นตัวไว อียูใช้ เทคนิค Mini-MAX โครงหน้า 3 จุด ที่โดดเด่นด้วยการผ่าตัดผ่านแผลเล็ก ทำให้เลือดออกน้อยลง เจ็บน้อยลง และที่สำคัญคือ ช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วกว่า นอกจากนี้  อียูยังมีการ วินิจฉัยและวางแผนการผ่าตัดแบบ 1:1 เพื่อให้มั่นใจว่าการผ่าตัดเหมาะสมและแม่นยำกับโครงสร้างใบหน้าของคุณมากที่สุด
  • วางแผนแม่นยำด้วยระบบ CT สแกน 3 มิติ ก่อนการผ่าตัด  อียูใช้ ระบบ CT สแกน 3 มิติ เพื่อวางแผนอย่างละเอียดและแม่นยำที่สุด การสแกนนี้ช่วยให้ศัลยแพทย์เห็นตำแหน่งของเส้นประสาทและโครงสร้างกระดูกได้อย่างชัดเจน ทำให้การผ่าตัดปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติ

โรงพยาบาลอียู มีจุดเด่นอย่างไร

  • เน้นความสมดุลและธรรมชาติ ไม่ได้เน้นแค่การตัดกระดูกให้มากที่สุด แต่ อียูให้ความสำคัญกับการ ปรับโครงหน้าให้มีความสมดุลและเป็นธรรมชาติ โดยคำนึงถึงตำแหน่งและมุมองศาที่เหมาะสม เพื่อให้ใบหน้าของคุณสวยงามและยังคงทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม
  • เทคนิคพิเศษลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย อียูมีเทคนิคเฉพาะในการดึงชั้นกล้ามเนื้อขึ้นหลังการตัดกระดูก เทคนิคนี้ช่วยลดโอกาสที่ผิวจะหย่อนคล้อยหลังผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูดีและกระชับขึ้นอย่างชัดเจน
  • การดูแลที่ใส่ใจเป็นพิเศษ ทีมศัลยแพทย์ของอียู ดูแลคนไข้แบบจำกัดจำนวนเคสต่อวัน เพื่อให้มั่นใจว่าคนไข้แต่ละรายจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและใส่ใจที่สุด ทำให้ผลลัพธ์ของการผ่าตัดออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  • โรงพยาบาลมาตรฐานสากลที่ได้รับความไว้วางใจ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล และเป็นที่ไว้วางใจไม่เพียงแค่คนไข้ในประเทศ แต่ยังรวมถึงคนไข้จากต่างประเทศด้วย คุณจึงมั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัยของอียู

รีวิวคนไข้จริง

ศัลยแพทย์โครงหน้าที่อียู

ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมโครงหน้าและขากรรไกรที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี นำโดย Dr. Kim Jong Yun และ Dr. Shin Hee Jin ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ของ อียูมีความเชี่ยวชาญสูงและพร้อมให้การดูแลคุณอย่างดีที่สุด

สรุป

ศัลยกรรมโครงหน้า 3 จุดเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าให้สวยงามและสมส่วนอย่างครบถ้วนในครั้งเดียว โดยการรวมการผ่าตัดทั้งลดโหนกแก้ม ตัดกราม และปรับปลายคาง จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและเรียวสวยในทุกมิติ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการผ่าตัดนี้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์และเทคโนโลยีที่ใช้ในการวางแผนเป็นอย่างมาก

โรงพยาบาลอียู โดดเด่นด้วยเทคนิค Mini-MAX ที่ช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น การใช้ระบบ CT สแกน 3 มิติในการวางแผนที่แม่นยำ และทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ซึ่งพร้อมให้การดูแลแบบใกล้ชิดและใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติที่สุด