ถ้าโครงสร้างขากรรไกรเป็นอุปสรรค อาจทำให้หลายคนกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเคี้ยวอาหารไม่ถนัด ฟันไม่สบกัน หรือแม้แต่รูปหน้าที่ดูไม่สมดุล จนบางครั้งอาจส่งผลต่อความมั่นใจในชีวิตประจำวัน แต่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยการผ่าตัดขากรรไกร
แล้วการผ่าตัดขากรรไกรคืออะไร? มีกี่วิธี? แต่ละวิธีเหมาะกับใครบ้าง? ผ่าตัดแล้วดีอย่างไร? มีข้อเสียไหม? ที่สำคัญคือ ถ้าคุณกำลังหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ บทความนี้มีคำตอบให้ครบทุกประเด็น แบบเข้าใจง่าย
ผ่าตัดขากรรไกร คืออะไร
การผ่าตัดขากรรไกร คือการรักษาที่ช่วยแก้ไขความผิดปกติของกระดูกขากรรไกรและจัดเรียงตำแหน่งของกระดูกขากรรไกรและฟันให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่สมดุล การรักษานี้ไม่เพียงช่วยให้การสบฟันเป็นปกติ แต่ยังช่วยปรับปรุงความสวยงามของใบหน้าอีกด้วย
โดยทั่วไปแล้ว การผ่าตัดขากรรไกรเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการสบฟันที่ซับซ้อน ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันเพียงอย่างเดียว ผู้ป่วยจะได้รับการติดเครื่องมือจัดฟันทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือ ทันตแพทย์จัดฟันและศัลยแพทย์ผ่าตัดช่องปากและกระดูกขากรรไกรจะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละราย
ผ่าตัดขากรรไกร แตกต่างจากการผ่าตัดโครงหน้า 3 จุดอย่างไร?

การผ่าตัดขากรรไกร (Orthognathic Surgery) และ การผ่าตัดโครงหน้า 3 จุด (Three-point Facial Contouring Surgery) เป็นการผ่าตัดใบหน้าที่มีวัตถุประสงค์และเทคนิคที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
- การผ่าตัดขากรรไกร มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาทางการแพทย์และการทำงานของขากรรไกร เช่น การสบฟันผิดปกติ, ฟันยื่น, คางยื่นหรือถอย, และใบหน้าบิดเบี้ยว เพื่อให้ฟันสบกันอย่างถูกต้องและใบหน้าสมดุลขึ้น การผ่าตัดนี้มักต้องมีการวางแผนร่วมกับทันตแพทย์จัดฟัน โดยจะมีการตัดและเคลื่อนกระดูกขากรรไกรบน หรือล่างไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม จากนั้นยึดด้วยแผ่นโลหะและสกรู ระยะเวลาพักฟื้นจะใช้เวลานานกว่า คือหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทั้งด้านการใช้งานที่ดีขึ้นและการปรับรูปหน้าให้สมดุล
- การผ่าตัดโครงหน้า 3 จุด เป็นการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและอ่อนหวานขึ้น ด้วยการลดขนาดของโหนกแก้ม กราม และคางไปพร้อมกัน การผ่าตัดนี้ไม่ได้เน้นการแก้ไขปัญหาการสบฟันหรือการทำงานของขากรรไกรเป็นหลัก แต่จะเน้นไปที่การตัดและปรับรูปทรงของกระดูกใบหน้าเพื่อความงาม และโดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาพักฟื้นจะสั้นกว่า ประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าที่เรียวเล็กลงและสมส่วนมากขึ้นในเชิงความงาม แต่ไม่สามารถแก้ไขความผิดปกติของการสบฟันหรือโครงสร้างขากรรไกรได้
ผ่าตัดขากรรไกร และผ่าตัดโครงหน้า 3 จุด สามารถทำพร้อมกันได้หรือไม่
บ่อยครั้งที่การผ่าตัดขากรรไกร จะแนะนำให้ทำควบคู่ไปกับการผ่าตัดโครงหน้า 3 จุด (ลดโหนกแก้ม, ตัดกราม, เหลาคาง) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม ทั้งการแก้ไขปัญหาด้านการใช้งาน และการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยไปพร้อมกัน
ผ่าตัดขากรรไกร เหมาะกับใครบ้าง

- ผู้ที่มีปัญหาขากรรไกรผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นขากรรไกรบนยื่น หรือขากรรไกรล่างยื่น หรือขากรรไกรล่างถอยร่นมากจนทำให้เกิดปัญหาการสบฟันผิดปกติ
- ผู้ที่มีใบหน้าไม่สมมาตร เช่น คางยื่น คางเบี้ยว หรือคางหดสั้นมาก ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกขากรรไกร
- ผู้ที่ฟันเรียงตัวผิดปกติอย่างรุนแรง ในกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันเพียงอย่างเดียว
- ผู้ที่มีปัญหาในการใช้งานช่องปาก รวมถึงการออกเสียงพูดไม่ชัด การบดเคี้ยวอาหารลำบาก หรือมีปัญหาในการกลืนอาหาร
- ผู้ที่รูปหน้าผิดสัดส่วน ซึ่งอาจทำให้เสียความมั่นใจหรือส่งผลต่อบุคลิกภาพ
- ผู้ที่ยิ้มแล้วเห็นเหงือกมากผิดปกติ (Gummy Smile) ซึ่งเกิดจากตำแหน่งของขากรรไกรบนที่ผิดปกติ
- ผู้ที่มีปัญหาการหายใจ เช่น หายใจติดขัด หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งอาจเกิดจากโครงสร้างขากรรไกรที่ผิดปกติ
- ผู้ที่การจัดฟันแบบธรรมดาไม่ได้ผล สำหรับผู้ที่ลองรักษาด้วยการจัดฟันแล้วแต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างขากรรไกรได้อย่างสมบูรณ์
ผ่าตัดขากรรไกร แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

การผ่าตัดกระดูกขากรรไกร (Orthognathic Surgery) เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับตำแหน่งของกระดูกขากรรไกรบนและล่าง เพื่อแก้ไขความผิดปกติของโครงสร้างใบหน้าและขากรรไกร ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลายอย่าง ดังนี้
- ประสิทธิภาพการเคี้ยวอาหาร ช่วยให้การบดเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปัญหาการเคี้ยวลำบาก หรือปวดข้อต่อขากรรไกร
- แก้ไขการพูดและการกลืน ปรับโครงสร้างช่องปากและลำคอให้เหมาะสม ทำให้การออกเสียงชัดเจนขึ้น และลดปัญหาในการกลืน
- ลดการฟันสึกหรือฟันแตกมากเกินปกติ การสบฟันที่ผิดปกติอาจนำไปสู่การสึกกร่อนหรือฟันแตกได้ การผ่าตัดจะช่วยจัดเรียงการสบฟันให้ถูกต้อง ลดความเสี่ยงเหล่านี้
- แก้ไขการสบฟันเปิด เป็นภาวะที่ฟันบนและฟันล่างไม่สามารถสบกันได้สนิทเมื่อกัดฟันเต็มที่ การผ่าตัดสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
- แก้ไขรูปหน้าที่ไม่สมมาตร เช่น คางยื่น คางสั้น ยิ้มเห็นเหงือกมากเกินไป หรือปากอูมผิดปกติ การผ่าตัดสามารถปรับรูปหน้าให้มีความสมมาตรและสมส่วนมากขึ้น
- แก้การปิดปากไม่สนิทในสภาวะผ่อนคลาย สำหรับผู้ที่มีปัญหาปากไม่สามารถปิดสนิทได้เองตามธรรมชาติ การผ่าตัดจะช่วยให้กล้ามเนื้อใบหน้าผ่อนคลายและปิดปากได้สนิท
- บรรเทาอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ หรือภาวะนอนกรน ในบางกรณี การปรับตำแหน่งขากรรไกรสามารถขยายทางเดินหายใจส่วนบน ช่วยลดอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้
การผ่าตัดขากรรไกร ทำได้อย่างไร
การผ่าตัดขากรรไกร
การผ่าตัดขากรรไกร มี 2 แบบ คือ การผ่าตัดขากรรไกรเดี่ยว และการผ่าตัด 2 ขากรรไกร นอกจากนี้ ยังมีการผ่าตัดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความงามของใบหน้า เช่น การผ่าตัดเลื่อนคาง หรือลดขนาดกราม
1. การผ่าตัดขากรรไกรเดี่ยว
ส่วนใหญ่จะหมายถึงการผ่าตัดขากรรไกรล่าง โดยศัลยแพทย์จะแยกแผ่นกระดูกกรามทั้งสองข้างเพื่อเลื่อนไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสบฟันที่สมบูรณ์ บางกรณีอาจผ่าตัดเฉพาะขากรรไกรบน การผ่าตัดนี้อาจทำร่วมกับการเลื่อนคางหรือลดขนาดกรามในส่วนที่ผิดปกติ
2. การผ่าตัด 2 ขากรรไกร
คือการผ่าตัดขากรรไกรบนและขากรรไกรล่างพร้อมกันในครั้งเดียว
จัดฟันเพื่อเตรียมฟันก่อนการผ่าตัด
การจัดฟันก่อนการผ่าตัดขากรรไกรจะแตกต่างจากการจัดฟันทั่วไป ก็เพื่อเตรียมแนวฟันให้เข้าที่หลังการผ่าตัดกระดูกขากรรไกร เนื่องจากความผิดปกติของการสบฟันมักเกิดจากทั้งตำแหน่งฟันและโครงสร้างกระดูกที่ไม่สมมาตร การจัดฟันในช่วงนี้จึงอาจทำให้การสบฟันดูแย่ลงชั่วคราว แต่เมื่อผ่าตัดแล้ว ฟันจะเข้าที่และมีการสบฟันที่สมบูรณ์ตามแผนที่วางไว้ ระยะเวลาในการจัดฟันขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละคน
ทำไมต้องศัลยแพทย์โครงหน้าและขากรรไกร กับทันตแพทย์จัดฟันต้องทำงานร่วมกัน
การแก้ไขปัญหาความผิดปกติของโครงสร้างใบหน้าและฟันที่ซับซ้อน เช่น คางยื่น คางสั้น หรือฟันไม่สบกัน ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างศัลยแพทย์โครงหน้าและขากรรไกรกับทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ ทั้งด้านการใช้งานและความสวยงาม การผ่าตัดขากรรไกรจะช่วยปรับโครงสร้างกระดูก
ในขณะที่การจัดฟันจะช่วยจัดเรียงฟันให้เข้าที่ การวางแผนการรักษาที่แม่นยำตั้งแต่เริ่มต้นโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง และยังช่วยลดระยะเวลาการรักษาโดยรวมได้ด้วยเทคนิคบางอย่าง นอกจากนี้ การทำงานร่วมกันยังช่วยป้องกันปัญหาข้อต่อขากรรไกรและปัญหาสุขภาพช่องปากในระยะยาวได้อีกด้วย ผู้ป่วยจึงได้ประโยชน์สูงสุดทั้งในการบดเคี้ยว การพูด รูปหน้า และบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
ปัญหาใดที่ต้องผ่าตัดร่วมกับการจัดฟัน

- ฟันยื่นหรือฟันล่างยื่นมากผิดปกติ
- ฟันเหยินหรือสบฟันผิดปกติขั้นรุนแรงที่จัดฟันอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขได้
- โครงสร้างขากรรไกรบนและล่างผิดปกติ เช่น คางยื่น คางเบี้ยว หน้าเบี้ยว หน้าไม่สมมาตร
- ยิ้มเห็นเหงือกมากเกินไป
- ปัญหาการบดเคี้ยวอาหารผิดปกติ
- ปัญหาการพูดไม่ชัด หรือออกเสียงผิดเพี้ยน
- หายใจทางปากหรือนอนกรนเรื้อรัง
- จัดฟันแบบธรรมดาไม่สำเร็จหรือไม่เห็นผล
วิธีผ่าตัดขากรรไกร มีกี่วิธี
แบบดั้งเดิม
วิธีนี้จะเริ่มด้วยการจัดฟันประมาณ 6-12 เดือน ตามด้วยการผ่าตัดขากรรไกร และจัดฟันหลังผ่าตัด ต่ออีก 6-12 เดือน ข้อเสียคือใช้เวลานาน และผู้ป่วยอาจมีปัญหาการสบฟันและรูปหน้าผิดปกติมากขึ้นในช่วงก่อนผ่าตัด
แบบผ่าตัดก่อนจัดฟัน
เป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากช่วยลดข้อจำกัดของวิธีดั้งเดิมในเรื่องระยะเวลาการรักษาที่นาน และช่วยลดปัญหาเรื่องการสบฟันและใบหน้าที่ดูผิดปกติมากขึ้นในช่วงก่อนผ่าตัด
ผ่าตัดขากรรไกรระหว่าง ผู้หญิง VS. ผู้ชาย เหมือนกันหรือไม่
การผ่าตัดขากรรไกรเป็นการผ่าตัดที่ต้องพิจารณาความแตกต่างระหว่างบุคคลอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องเพศและปัญหาเฉพาะของแต่ละคน แต่วิธีการผ่าตัดพื้นฐานไม่ได้แตกต่างกันเป็นพิเศษระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย สิ่งที่สำคัญคือการปรับแก้เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและภาพลักษณ์ที่แต่ละบุคคลต้องการมากที่สุด
ความสำเร็จของการผ่าตัดขึ้นอยู่กับ ฝีมือของศัลยแพทย์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของคนไข้ โรงพยาบาลอียูมุ่งมั่นที่จะใส่ใจในรายละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ของการผ่าตัดจะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับคนไข้ทุกราย
จุดเด่นของการผ่าตัดขากรรไกร
- แก้ไขโครงสร้างขากรรไกรและใบหน้าผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคางยื่น คางถอย หน้าเบี้ยว หรือฟันไม่สบกันอย่างรุนแรง ที่การจัดฟันเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขได้
- ปรับปรุงการสบฟันและการบดเคี้ยว ช่วยให้การเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพดีขึ้น ส่งเสริมสุขภาพช่องปาก และลดความเสี่ยงของโรคเหงือกและฟัน
- แก้ปัญหาการใช้งาน ช่วยให้การพูดชัดเจนขึ้น การหายใจสะดวกขึ้น และลดปัญหาในการใช้งานขากรรไกรในชีวิตประจำวัน
- ปรับปรุงรูปหน้าและบุคลิกภาพ ทำให้รูปหน้าดูสมส่วนสวยงาม เพิ่มความมั่นใจและเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
- ป้องกันปัญหาเพิ่มเติม ช่วยให้ริมฝีปากหุบสนิทได้ดีขึ้น และป้องกันปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อขากรรไกรผิดปกติ (TMJ)
- ทำงานร่วมกับการจัดฟัน สามารถทำร่วมกับการจัดฟันได้ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและช่วยลดระยะเวลาการรักษาโดยรวม
ข้อจำกัดของการผ่าตัดขากรรไกร
- เป็นการผ่าตัดใหญ่และใช้เวลาพักฟื้น ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 3-5 วัน และใช้เวลาพักฟื้นเต็มที่ประมาณ 1 เดือน
- ต้องวางแผนการรักษาร่วมกันหลายฝ่าย ทันตแพทย์จัดฟันและศัลยแพทย์ขากรรไกรต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อวางแผนการรักษาที่รัดกุม
- ระยะเวลารักษารวมค่อนข้างนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องจัดฟันก่อนผ่าตัด อาจใช้เวลาโดยรวมถึง 12-18 เดือน
- มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ เลือดออก หรือปัญหาเส้นประสาทที่อาจทำให้ชาหรือรู้สึกผิดปกติบริเวณใบหน้า
- ไม่เหมาะกับทุกคน ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางโรค หรือผู้ที่ไม่พร้อมรับการผ่าตัดใหญ่และการดูแลหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด อาจไม่เหมาะกับการผ่าตัดนี้
ข้อมูลการผ่าตัดขากรรไกรที่ต้องรู้
ระยะเวลาการผ่าตัด
การผ่าตัดขากรรไกรโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 2-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเคส เช่น การเลื่อนกระดูกขากรรไกรจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง หรือ 2-4 ชั่วโมงในบางกรณี
วิธีการวางยา
ผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์จะดูแลตลอดกระบวนการ คนไข้จึงไม่รู้สึกเจ็บ
การนอนโรงพยาบาล
ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 2-4 วัน โดยคืนแรกอาจต้องสังเกตอาการในห้อง ICU และอาจมีท่อช่วยหายใจประมาณ 24-48 ชั่วโมง
การมาโรงพยาบาล
ควรหยุดยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ และดูแลสุขภาพให้แข็งแรงก่อนผ่าตัด
การตัดไหม
แผลผ่าตัดอยู่ภายในช่องปาก และจะหายดีภายใน 3 สัปดาห์ โดยส่วนใหญ่อาจใช้ไหมละลายจึงไม่ต้องตัดไหม
ระยะเวลาการพักฟื้น
- พักฟื้นในโรงพยาบาล 2-4 วัน
- พักงาน ควรพักงานต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังออกจากโรงพยาบาล
- การรับประทานอาหาร ต้องรับประทานอาหารเหลวหรืออ่อน ประมาณ 1 เดือน และงดเคี้ยวอาหารอย่างน้อย 6 สัปดาห์
- อาการบวม จะคงอยู่ประมาณ 1-2 เดือน
- การกลับไปใช้ชีวิตปกติ สามารถกลับไปทำงานได้หลังผ่าตัด 3 สัปดาห์ และออกกำลังกายได้หลัง 1 เดือน
- การฟื้นตัวเต็มที่ อาจใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
การผ่าตัดขากรรไกรอันตรายหรือไม่
หลายคนอาจกังวลว่าการผ่าตัดขากรรไกรจะอันตรายหรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว การผ่าตัดนี้ถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากดำเนินการโดยศัลยแพทย์ผ่าตัดช่องปากและขากรรไกรที่มีความเชี่ยวชาญ และทำงานร่วมกับทันตแพทย์จัดฟันอย่างใกล้ชิด สิ่งสำคัญคือการผ่าตัดควรทำเมื่อคนไข้หยุดการเจริญเติบโตแล้ว ซึ่งโดยประมาณจะอยู่ที่อายุ 18 ปีสำหรับผู้หญิง และ 20 ปีสำหรับผู้ชาย
การผ่าตัดขากรรไกรมีความเสี่ยงหรือไม่
แม้ว่าการผ่าตัดกระดูกขากรรไกรจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง แต่เช่นเดียวกับการผ่าตัดประเภทอื่น ๆ ก็ย่อมมีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
- การสูญเสียเลือด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างหรือหลังการผ่าตัด โดยทั่วไปจะมีการควบคุมที่ดี แต่ในบางรายอาจต้องได้รับการให้เลือด
- ภาวะแผลติดเชื้อ แม้จะมีการดูแลเรื่องความสะอาดและปลอดเชื้ออย่างเข้มงวด แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่แผลผ่าตัดจะติดเชื้อ ซึ่งอาจต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ หรือในบางกรณีอาจต้องมีการระบายหนอง
- อาการชาบริเวณริมฝีปากและใบหน้า การผ่าตัดอาจส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทที่ควบคุมความรู้สึกบริเวณริมฝีปาก คาง หรือแก้ม ทำให้เกิดอาการชา ซึ่งส่วนใหญ่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายในระยะเวลาหนึ่ง แต่อาจมีบางรายที่มีอาการชาถาวร
- กระดูกขากรรไกรหัก เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก แต่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการผ่าตัด ซึ่งศัลยแพทย์จะทำการแก้ไขทันที
- การกลับคืนตำแหน่งเดิมก่อนการผ่าตัด (Relapse) ในบางราย กระดูกขากรรไกรที่ได้รับการผ่าตัดปรับตำแหน่งแล้ว อาจมีการเคลื่อนที่กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมบางส่วน ซึ่งอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการรักษา
- การสบฟันไม่สนิท หรือปวดข้อต่อขากรรไกร ในบางกรณี คนไข้อาจยังมีปัญหาการสบฟันไม่สนิท หรือมีอาการปวดบริเวณข้อต่อขากรรไกรหลังการผ่าตัด ซึ่งอาจต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติม
- มีเหตุจำเป็นต้องผ่าตัดซ้ำ ในกรณีที่ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่แก้ไขด้วยวิธีอื่นไม่ได้ อาจมีความจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดซ้ำ
- มีเหตุจำเป็นต้องรักษารากฟัน หรือสูญเสียฟัน ในบางกรณี การผ่าตัดอาจส่งผลกระทบต่อฟันที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทในฟัน (ต้องรักษารากฟัน) หรือในกรณีที่รุนแรง อาจต้องสูญเสียฟันซี่นั้นไป
- การสูญเสียกระดูกขากรรไกรบางส่วน เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อรุนแรง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เนื้อเยื่อกระดูกบริเวณนั้นเสียหายและต้องสูญเสียไป
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้
หลังการผ่าตัดขากรรไกร คนไข้จะเผชิญกับอาการปวดและบวม รวมถึง ความยากลำบากในการรับประทานอาหาร ซึ่งอาจต้องพึ่งอาหารเสริมชั่วคราว
โปรแกรมการดูแลและพักฟื้นหลังผ่าตัด
1. ลดอาการบวมและฟกช้ำ
- ประคบเย็น ใช้ผ้าเย็นประคบ 20 นาที สลับพัก 20 นาที ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
- ประคบร้อน หลังจาก 3-4 วัน ให้เปลี่ยนเป็นประคบร้อนหรืออุ่นตามคำแนะนำศัลยแพทย์
- นอนศีรษะสูง หนุนศีรษะให้สูงประมาณ 30 องศา อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์เพื่อลดอาการบวม
2. การควบคุมความเจ็บปวดและการใช้ยา
- ยาแก้ปวด รับประทานยาแก้ปวดตามศัลยแพทย์สั่ง พร้อมอาหารเล็กน้อยเพื่อป้องกันการระคายเคืองกระเพาะ
- หลีกเลี่ยงแอสไพริน ห้ามใช้ยาแอสไพรินเพราะอาจทำให้เลือดออกง่าย
- ยาปฏิชีวนะ รับประทานยาปฏิชีวนะตามศัลยแพทย์สั่งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
3. การรับประทานอาหาร
- อาหารเหลว/อ่อน ในช่วงแรกหลังผ่าตัด ควรรับประทานอาหารเหลวหรืออ่อนเป็นเวลาหลายสัปดาห์
- หลีกเลี่ยง งดอาหารร้อน จัดจ้าน หรือแข็ง
- ปรับอาหาร ค่อยๆ ปรับไปรับประทานอาหารปกติอย่างช้า ๆ ตามคำแนะนำศัลยแพทย์
4. การดูแลความสะอาดช่องปาก
- แปรงฟัน เริ่มแปรงฟันได้ตั้งแต่วันที่ 2 หลังผ่าตัด โดยใช้แปรงขนนุ่มขนาดเล็ก
- น้ำยาบ้วนปาก ใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อ
- ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงการเขี่ยแผลหรือขากเสมหะแรง ๆ
5. การพักผ่อนและกิจกรรม
- พักผ่อน พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการพูดหรือขยับขากรรไกรมากเกินไป
- งดออกกำลังกายหนัก งดกิจกรรมที่ใช้แรงมากอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์แรก
- ออกกำลังกายเบา หลังจากนั้นสามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้ เช่น เดิน หรือยืดเหยียด
6. การติดตามผลและตัดไหม
- พบศัลยแพทย์ เข้าพบศัลยแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจติดตามผล
- ตัดไหม โดยทั่วไปไหมเย็บในช่องปากจะถูกตัดประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
7. อุปกรณ์เสริม
- ผ้ารัดหน้า อาจใช้ผ้ารัดหน้าเพื่อช่วยพยุงและลดบวม
- ยางยืด/เฝือก ใช้อุปกรณ์เสริมตามคำแนะนำศัลยแพทย์
8. สุขภาพจิตและโภชนาการ
- กำลังใจ การพักฟื้นอาจทำให้เครียด ควรหาผู้ให้กำลังใจ
- อาหารเสริม อาจพิจารณารับประทานแคลเซียมและวิตามินดี
- งดสูบบุหรี่/แอลกอฮอล์ ควรงด เพราะอาจทำให้แผลหายช้า
ทำไมต้องเลือกผ่าตัดขากรรไกรที่โรงพยาบาลศัลยกรรมช่องปากขากรรไกรและโครงหน้าเท่านั้น
การผ่าตัดขากรรไกรไม่ใช่แค่เรื่องความงาม แต่เป็นการแก้ไขปัญหาโครงสร้างกระดูกใบหน้าและการสบฟันที่ซับซ้อน ต้องอาศัยการวินิจฉัยและวางแผนอย่างแม่นยำ เพื่อให้หลังผ่าตัดสามารถเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ หากทำไม่ดี ผลลัพธ์อาจแย่กว่าเดิม ซึ่งการผ่าตัดกระดูกใบหน้า ฟัน และคาง เป็นความรู้เฉพาะทางที่ต้องศึกษาจากมหาวิทยาลัยเฉพาะทางด้านศัลยกรรมช่องปากขากรรไกรและโครงหน้าโดยตรง จึงเหตุผลสำคัญที่คุณควรเลือกรับการผ่าตัดจากแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น
ประวัติการผ่าตัดขากรรไกรเริ่มขึ้นในยุโรปช่วงปี 1800 และเกาหลีใต้เริ่มศึกษาด้านนี้ตั้งแต่ปี 1950 และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการแพทย์ทั่วไปที่แบ่งเป็นหลายสาขา ทันตกรรมเองก็มีถึง 11 แขนง รวมถึงสาขาช่องปากและใบหน้าขากรรไกร ซึ่งมีการศึกษาและฝึกฝนระบบขากรรไกรอย่างเข้มข้น
การผ่าตัดขากรรไกรไม่ใช่แค่การเปิดแผลแล้วเย็บ แต่ต้องคำนึงถึง ตำแหน่งการตัดกระดูก การสบฟัน และข้อต่อขากรรไกร เพื่อให้หลังผ่าตัดสามารถขยับปากได้ตามปกติ จึงเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ และฝีมืออย่างมาก ผู้ที่ไม่ได้เรียนเฉพาะทางโดยตรงจะไม่สามารถทำการผ่าตัดที่ยากและมีความละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้
โรงพยาบาลอียู มีจุดเด่นอย่างไร
ที่โรงพยาบาลช่องปากขากรรไกรและโครงหน้าอียู เราเข้าใจว่าการผ่าตัดขากรรไกรไม่ใช่แค่การปรับเปลี่ยนภายนอก แต่เป็นการแก้ไขตำแหน่งกระดูกเพื่อให้ฟันสบกันอย่างถูกต้อง ซึ่งนอกจากจะแก้ปัญหาการสบฟันแล้ว ยังช่วย ปรับสมดุลโครงสร้างใบหน้าให้สวยงามขึ้นพร้อมกัน ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในโครงสร้างกระดูกใบหน้า ทำให้ฝีมือการผ่าตัดของศัลยแพทย์ที่อียูปรากฏชัดเจน แม้กระทั่งในภาพเอกซเรย์กระดูกที่คนไข้หลายคนพูดว่า “สวยแม้กระทั่งกระดูก”
ที่อียูรู้ดีว่าการผ่าตัดขากรรไกรเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่สร้างความกังวลให้คนไข้เป็นอย่างมาก อียูจึงมุ่งมั่นที่จะให้คำปรึกษาและตรวจร่างกายอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์การผ่าตัดที่ออกมานั้นจะ แม่นยำ สวยงาม และปลอดภัยที่สุด สำหรับคนไข้ทุกราย
รีวิวคนไข้จริง
ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้าน Maxillo Facial ที่อียู
ศัลยแพทย์คิมจงยุนและชินฮีจิน จากโรงพยาบาลศัลยกรรมช่องปากและใบหน้าขากรรไกรอียู มีความเชี่ยวชาญสูงและมุ่งมั่นพัฒนาการผ่าตัดขากรรไกรอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขทั้งจุดบกพร่องด้านความงามและการใช้งานไปพร้อมกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าคนไข้จะได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
สรุป
จากข้อมูลในบทความ สามารถสรุปได้ว่า การผ่าตัดขากรรไกร เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาโครงสร้างกระดูกขากรรไกรและการสบฟันที่ซับซ้อน ซึ่งไม่เพียงช่วยปรับปรุงการใช้งานเช่น การเคี้ยว การพูด และการหายใจ แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจด้วยการปรับสมดุลใบหน้าให้สวยงามขึ้น แม้จะเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นและมีความเสี่ยงบางประการ แต่หากได้รับการรักษาจากศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ร่วมกับทันตแพทย์จัดฟัน ผลลัพธ์จะมีคุณภาพและปลอดภัยสูง การเลือกสถานพยาบาลที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นไปตามความคาดหวัง