ผ่าตัดศัลยกรรม ลดโหนกแก้ม

ศัลยกรรม ผ่าตัดลดโหนกแก้ม

ในยุคที่ความงามเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้และหลากหลายมากขึ้น “ลดโหนกแก้ม” เป็นหนึ่งในการศัลยกรรมใบหน้าที่ได้รับความสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็ก หรือมีกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่าการลดโหนกแก้มคืออะไร เหมาะกับใครบ้าง และมีอะไรที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ เทคนิค MAX-L ที่โรงพยาบาลอียูดีอย่างไร เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวคุณเอง

การลดโหนกแก้ม คืออะไร

ศัลยกรรมลดโหนกแก้ม คือการผ่าตัดเพื่อลดขนาด หรือความเด่นชัดของกระดูกโหนกแก้ม ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง สมดุล และอ่อนโยนมากขึ้น 

MAX-L คือเทคนิคพิเศษจากโรงพยาบาลศัลยกรรมขากรรไกรและโครงหน้าอียู ที่ออกแบบมาเพื่อลดขนาดโหนกแก้มที่ยื่นออกมามาก ให้เรียวสวยและมีมิติเข้ากับใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ด้วยการผ่าตัดแบบคู่ขนานที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดโหนกแก้ม 45 องศา เทคนิคนี้ยังช่วยลดปัญหาแก้มหย่อนคล้อยหลังการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี ทำให้คุณมีใบหน้าที่สวยงามไม่ว่าจะมองจากด้านหน้าหรือด้านข้าง

การลดโหนกแก้ม มีกี่วิธี

ศัลยกรรมลดโหนกแก้ม มีกี่วิธี

การศัลยกรรมลดโหนกแก้มมี 2 วิธีหลัก ขึ้นอยู่กับลักษณะและความต้องการของแต่ละคน

1. การกรอหรือเหลากระดูกโหนกแก้ม

เหมาะสำหรับผู้ที่มีโหนกแก้มสูงไม่มาก และต้องการลดขนาดเพียงเล็กน้อย โดยศัลยแพทย์จะเปิดแผลภายในช่องปาก จากนั้นใช้เครื่องมือพิเศษกรอ หรือเหลากระดูกโหนกแก้มส่วนเกินออก วิธีนี้ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีแผลภายนอก

2. การตัดเลื่อนหรือยุบกระดูกโหนกแก้ม

เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระดูกโหนกแก้มหนา หรือต้องการลดขนาดโหนกแก้มอย่างชัดเจน ซึ่งศัลยแพทย์สามารถเลือกเปิดแผลได้ 2 ทาง ได้แก่

  • แผลภายในช่องปาก เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นภายนอก โดยจะเปิดแผลบริเวณกระพุ้งแก้มทั้งสองข้าง
  • แผลบริเวณศีรษะ อาจมีการเปิดแผลจากเหนือใบหูข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง แต่วิธีนี้นิยมใช้น้อยกว่า

การลดโหนกแก้ม เหมาะกับใคร

การผ่าตัดลดโหนกแก้มเหมาะสำหรับผู้ที่

  • ผู้ที่มีโหนกแก้มสูงและกว้าง ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแข็งกระด้างหรือใหญ่กว่าปกติ
  • ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้า เพื่อให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง สมมาตรขึ้น หรือมีรูปหน้าที่อ่อนหวานละมุนขึ้น
  • ผู้ที่มีกระดูกโหนกแก้มที่นูนเด่น ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรมหรือลักษณะทางกายวิภาค
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร เนื่องจากการผ่าตัดเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูกโดยตรง
  • ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัดหรือการพักฟื้น
  • ผู้ที่มีความคาดหวังที่เป็นจริง เข้าใจถึงผลลัพธ์ที่ได้และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด

ข้อดี-ข้อเสียของการลดโหนกแก้ม

ข้อดี ข้อเสียของการผ่าตัดลดโหนกแก้ม

ข้อดี

  • ปรับรูปหน้าให้สมส่วน ใบหน้าดูเล็กลง สมดุล และอ่อนโยนขึ้น
  • เพิ่มความมั่นใจ เมื่อโครงหน้าดูดีขึ้น จะช่วยเสริมบุคลิกภาพ
  • แก้ไขโหนกแก้มไม่สมมาตร ปรับใบหน้าให้สมดุลมากขึ้น
  • ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ โหนกแก้มที่สมดุลช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลง ลดปัญหาแก้มหย่อนคล้อย
  • ผลลัพธ์ชัดเจน (การผ่าตัด) เห็นการเปลี่ยนแปลงของโครงหน้าได้ทันที

ข้อเสีย

  • ความเสี่ยงจากการผ่าตัด อาจเกิดการติดเชื้อ เลือดออก บวม ช้ำ ชา หรือกระทบเส้นประสาท
  • ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด อาจเกิดความไม่สมมาตรหรือไม่ตรงตามที่ต้องการ
  • ต้องใช้เวลาพักฟื้น กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในช่วงแรก
  • ค่าใช้จ่ายสูง การศัลยกรรมมีราคาสูง
  • ความเสี่ยงแผลเป็น หากดูแลแผลไม่ดีอาจเกิดรอยแผลเป็นได้
  • ผลลัพธ์ชั่วคราว (วิธีไม่ผ่าตัด) เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ต้องทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
  • ขึ้นอยู่กับความชำนาญศัลยแพทย์ ต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย

จุดเด่นของการลดโหนกแก้ม

จุดเด่นของการผ่าตัดลดโหนกแก้มในปัจจุบัน
  • ปรับรูปหน้าให้สมส่วนและอ่อนโยน ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก ละมุน เหมาะสำหรับผู้มีโหนกแก้มสูงหรือใหญ่
  • ผลลัพธ์ชัดเจนทันที (จากการผ่าตัด) เห็นการเปลี่ยนแปลงของโครงหน้าได้ชัดเจนหลังผ่าตัด
  • แก้ไขโหนกแก้มไม่สมมาตร ทำให้ใบหน้าดูสมดุลและสมมาตรมากขึ้น
  • ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ลดปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนโยน ไม่แข็งกระด้าง
  • เพิ่มความมั่นใจ ใบหน้าที่มีสัดส่วนเหมาะสมช่วยเสริมความมั่นใจ
  • ไม่มีรอยแผลภายนอก จะผ่าตัดผ่านช่องปาก จึงไม่ทิ้งรอยแผลเป็นบนใบหน้า

มีผลข้างเคียงหรือไม่

หลังผ่าตัดลดโหนกแก้ม อาจมีอาการบวมช้ำ 1-2 สัปดาห์ และเจ็บระบมเมื่อยาชาหมดฤทธิ์ บางรายอาจเกิดแผลติดเชื้อ หรือมีอาการชาบริเวณใบหน้า นอกจากนี้ ยังพบปัญหาแก้มห้อย หรือใบหน้าไม่สมมาตรได้ การพักฟื้นใช้เวลา 1-3 เดือนกว่าแผลจะหาย และ 3-6 เดือนกว่าใบหน้าจะเข้าที่ หากมีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรือผิดปกติอื่น ๆ ควรรีบพบศัลยแพทย์ทันที

เคยตัดโหนกแก้มมาแล้ว สามารถทำซ้ำได้อีกหรือไม่

สามารถลดโหนกแก้มซ้ำได้ หากผลลัพธ์ครั้งแรกยังไม่พอใจหรือต้องการปรับเพิ่ม แต่การผ่าตัดซ้ำจะซับซ้อนกว่าเดิมและมีความเสี่ยงสูงขึ้น ควรปรึกษาศัลยแพทย์ผู้ชำนาณการด้านโครงหน้าเพื่อประเมินและวางแผนการรักษาอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การเตรียมตัวก่อนลดโหนกแก้ม

เพื่อให้การผ่าตัดลดโหนกแก้มปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรเตรียมตัวตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • แจ้งประวัติสุขภาพ แจ้งศัลยแพทย์ให้ครบถ้วนเกี่ยวกับโรคประจำตัว, ยาที่ใช้, และประวัติแพ้ยา
  • งดยาและอาหารเสริมบางชนิด หยุดยาละลายลิ่มเลือด (เช่น Aspirin, Ibuprofen), วิตามิน A, C, E, สมุนไพร, โสม, ใบแปะก๊วย, และน้ำมันปลา อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกมาก
  • งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ ควรงดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน
  • งดน้ำและอาหาร งดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด เนื่องจากจะต้องดมยาสลบ
  • เตรียมร่างกายให้พร้อม ร่างกายควรแข็งแรง ไม่มีไข้ หรือการติดเชื้อในช่องปาก/ระบบทางเดินหายใจ
  • ตรวจสุขภาพเบื้องต้น ทำการตรวจเลือด, เอกซเรย์ปอด, และตรวจคลื่นหัวใจ (หากอายุเกิน 40 ปี) เพื่อความปลอดภัยในการดมยาสลบ
  • เอกซเรย์โครงกระดูกใบหน้า เพื่อให้ศัลยแพทย์วางแผนการผ่าตัดและระบุตำแหน่งเส้นประสาทได้อย่างแม่นยำ
  • แต่งกายและดูแลตัวเองในวันผ่าตัด สวมเสื้อผ้าที่ถอดง่าย, งดแต่งหน้า, ทาครีม, และใส่เครื่องประดับในวันผ่าตัด

ขั้นตอนการลดโหนกแก้ม

  1. วางยาสลบ ศัลยแพทย์จะให้ยาชาหรือยาสลบแก่คนไข้
  2. เปิดแผล ทำการเปิดแผลผ่าตัดจากด้านในช่องปากเพื่อไม่ให้เห็นรอยแผลภายนอก
  3. ปรับลดโหนกแก้ม ใช้เครื่องมือพิเศษกรอหรือตัดกระดูกโหนกแก้มส่วนเกินออก (ปกติประมาณ 3-4 มม. ขึ้นอยู่กับลักษณะกระดูกของแต่ละคน)
  4. ปิดแผล เย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย

ข้อมูลการผ่าตัดลดโหนกแก้ม

ข้อควรรู้ก่อนผ่าตัดลดโหนกแก้ม
  • ระยะเวลาการผ่าตัด ประมาณ 1-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเคส (โดยทั่วไป 2-3 ชั่วโมงเป็นเวลาที่พบบ่อย)
  • วิธีการวางยา ใช้การดมยาสลบ (General Anesthesia) หรือบางกรณีอาจใช้ยาสลบและยานอนหลับร่วมด้วย
  • การนอนโรงพยาบาล ส่วนใหญ่ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน หลังผ่าตัดบางเคสสามารถกลับบ้านได้ทันที
  • การมาโรงพยาบาล ต้องงดอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด เตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม และมีญาติมาด้วยในวันผ่าตัด 
  • การตัดไหม ศัลยแพทย์จะใช้ไหมละลายเย็บแผล แต่บางแห่งอาจต้องตัดไหมหลังผ่าตัดประมาณ 2 สัปดาห์ 
  • ระยะเวลาการพักฟื้น โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ในการยุบบวมและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ใบหน้าจะเข้าที่สมบูรณ์ประมาณ 1-3 เดือน และโครงหน้าจะสมดุลเต็มที่ใน 3-6 เดือนหลังผ่าตัด

ดูแลตัวเองหลังลดโหนกแก้ม ข้อควรรู้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วง 1 เดือนแรก

  • กิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อใบหน้า งดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงเกร็งใบหน้า เช่น ไอแรง ๆ หรือออกกำลังกายหนัก ๆ นอกจากนี้ ควรงดเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ผิวหน้าทุกชนิด
  • เครื่องดื่มและสารเสพติด ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด

การใส่ผ้ารัดหน้า

  • ระยะเวลา ควรใส่ผ้ารัดหน้าตลอด 1 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด
  • วิธีใส่ ใส่ผ้ารัดหน้า 1 ชั่วโมง แล้วถอดพัก 30 นาที ยกเว้นในขณะบ้วนปาก รับประทานอาหาร และนอนหลับ
  • หากมีอาการบวมและแข็ง หากใบหน้ามีอาการบวมและแข็ง ให้ใช้ผ้าก๊อซที่ได้รับจากโรงพยาบาลสอดบริเวณที่บวมเพื่อช่วยกด จากนั้นให้รีบติดต่อโรงพยาบาลทันที (หากไม่มีผ้าก๊อซ สามารถใช้ผ้าขนหนูเล็ก ๆ แทนได้)

การจัดการเลือดออกและการประคบ

  • ข้อควรระวัง ห้ามประคบร้อนโดยเด็ดขาด ในช่วง 4 วันแรกหลังการผ่าตัด
  • เลือดออก ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด อาจมีเลือดซึมออกมาทางปากหรือจมูกได้ ให้ใช้ผ้าก๊อซปิดจมูกและประคบเย็น หากผ้าก๊อซชุ่มเลือดภายใน 10 นาที ให้รีบติดต่อโรงพยาบาลทันที
  • การประคบ ประคบเย็น ในช่วง 4 วันแรกหลังการผ่าตัด จากนั้นให้เปลี่ยนมา ประคบร้อน โดยเน้นบริเวณใต้ตาหรือบริเวณที่ยังมีอาการบวม

การจัดการอาการปวด

  • ยาจากโรงพยาบาล รับประทานยาแก้ปวดที่ได้รับจากโรงพยาบาลให้ครบตามกำหนดและต่อเนื่อง
  • ยาแก้ปวดเพิ่มเติม หากมีอาการปวดมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดทั่วไป เช่น ไทลินอล หรือซาร่า เพิ่มได้ ไม่เกิน 1-2 เม็ดต่อวัน

การรับประทานอาหาร

  • 1 เดือนแรก เน้นรับประทาน อาหารเหลวละเอียด เช่น น้ำปั่น หรือซุป และเสริมโปรตีนปั่น 3-4 มื้อเล็ก ๆ หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้ท้องผูก เช่น กล้วยดิบ, โจ๊ก, โยเกิร์ต, แลคโตส และอาหารที่มีไฟเบอร์สูง หากมีอาการท้องเสีย ให้รับประทาน Smecta และจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ (ประมาณ 1 ลิตรต่อวัน) เพื่อช่วยขับเสมหะ ลดบวม และดูแลช่องปาก
  • 2 สัปดาห์แรก งดอาหารมันและอาหารรสจัด
  • 2 เดือนแรก งดอาหารแข็งและอาหารเหนียวหนืด เช่น ต๊อก, ลูกอม, หมากฝรั่ง, ปลาหมึก, หัวไชเท้า

วิธีบ้วนปาก

  • ระยะเวลา บ้วนปากไปจนถึงวันรุ่งขึ้นหลังจากการตัดไหมในปากเท่านั้น
  • น้ำยาบ้วนปาก ผสม Hexamedine 20cc กับน้ำกลั่น 1 ลิตร คนให้เข้ากันก่อนใช้ (สามารถซื้อน้ำยาบ้วนปากเพิ่มเติมได้ตามร้านขายยา)
  • วิธีบ้วน บ้วนปากทันทีที่ตื่นนอน และบ้วนทุก ๆ 2 ชั่วโมง แม้จะไม่ได้รับประทานอาหาร รวมถึงบ้วนปากหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ และบ้วนก่อนนอน

การอาบน้ำและล้างหน้า

  • เทปสมานแผล ควรติดเทปกันน้ำก่อนอาบน้ำหรือสระผม จากนั้นให้ดึงออกทันทีหลังอาบเสร็จ หากเทปหลุดเพราะโดนน้ำ ห้ามจับแผล ให้ใช้ลมเย็นเป่าให้แห้ง

อาการบวมและรอยช้ำ

  • รอยช้ำ รอยช้ำจะค่อย ๆ จางลงเองภายในประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง
  • ลดบวม ในช่วง 1 เดือนแรกหลังการผ่าตัด การเดินบ่อย ๆ และการนอนหนุนหมอนสูงประมาณ 30 องศา จะช่วยให้ใบหน้าหายบวมเร็วขึ้น
  • หากมีการดูดไขมันใบหน้าร่วมด้วย งดก้มหน้าใน 1 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด เทปที่ติดจะหลุดออกเองภายใน 2-3 วันหลังการผ่าตัด

โปรแกรมการดูแลและพักฟื้น

การดูแลหลังผ่าตัด

  • ประคบเย็น ประคบเย็นบริเวณใบหน้า 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวมช้ำ
  • นอนหนุนหมอนสูง นอนให้ศีรษะสูงกว่าหัวใจ เพื่อช่วยลดอาการบวม
  • ใส่ผ้ารัดหน้า สวมผ้ารัดหน้าตลอดเวลาอย่างน้อย 3 วันแรก จากนั้นใส่เฉพาะตอนกลางคืนต่อเนื่อง 1 เดือน เพื่อช่วยพยุงและลดบวม
  • ดูแลสุขอนามัยช่องปาก บ้วนปากหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ และแปรงฟันให้สะอาดร่วมกับการใช้น้ำยาบ้วนปาก
  • งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ งดอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันแผลหายช้าและลดความเสี่ยงติดเชื้อ
  • รับประทานอาหารอ่อน หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งหรืออ้าปากกว้างอย่างน้อย 1 เดือน ควรเน้นอาหารอ่อนนิ่ม เช่น โจ๊ก ขนมปัง ผักต้ม หรือเนื้อปลา
  • งดออกกำลังกายหนัก งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนแผลและกระดูก
  • การทำความสะอาด สามารถล้างหน้าและสระผมได้หลังผ่านไป 2-3 วัน แต่ควรงดแช่อ่างอาบน้ำหรือว่ายน้ำประมาณ 2 สัปดาห์
  • มาพบศัลยแพทย์ตามนัด ไปพบศัลยแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามอาการ ตรวจสอบแผล และประเมินผลการผ่าตัด

การพักฟื้น

  • อาการบวมช้ำ จะค่อย ๆ ลดลงและหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์
  • โครงหน้าเข้าที่ ใบหน้าจะเริ่มเข้าที่และดูสมดุลมากขึ้นภายใน 3-6 เดือนหลังการผ่าตัด
  • อาการชา อาจมีอาการชาบริเวณแก้มหรือรู้สึกผิดปกติชั่วคราว ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปภายใน 2-3 เดือน

หลังผ่าตัดผิวคล้อยหรือไม่?

หลังการผ่าตัดลดโหนกแก้ม ผิวอาจคล้อยหรือแก้มห้อยได้ในบางกรณี โดยเฉพาะหากตัดกระดูกโหนกแก้มออกมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างที่คอยพยุงผิวหนังและกล้ามเนื้อ ทำให้ขาดการยึดเกาะและหย่อนคล้อยในที่สุด แต่ถ้าทำโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้ และยังมีวิธีแก้ไขผิวหย่อนคล้อยหลังผ่าตัดได้หลายวิธี

จุดเด่นของศัลยกรรมลดโหนกแก้ม MAX-L ที่โรงพยาบาลอียู

แม้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านขากรรไกรและโครงหน้า แต่อียูเน้นการผ่าตัดโครงหน้าเพื่อความงามที่คำนึงถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ที่โรงพยาบาลจึงมุ่งมั่นที่จะให้การวินิจฉัยและการผ่าตัดแก่คนไข้ที่จำเป็นและเหมาะสมเท่านั้น ทำให้พัฒนาเทคนิค MAX-L เพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ โดยมีจุดเด่น ดังนี้

  • แผลเล็กลง ลดการเสียเลือด, บวมน้อยลง, และลดอาการเจ็บปวด
  • ตำแหน่งการตัดกระดูกเหนือกว่า ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเป็นธรรมชาติ
  • ลดปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ด้วยวิธีการผ่าตัดแบบคู่ขนาน ช่วยพยุงและลดโอกาสแก้มหย่อนคล้อยหลังผ่าตัด
  • ทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นำทีมโดยคุณหมอคิมจงยุนและคุณหมอชินฮีจิน ผู้มีประสบการณ์สูงในการผ่าตัดกระดูกใบหน้า
  • ระบบ CT Scan 3 มิติ ใช้ในการวินิจฉัยและวางแผนการผ่าตัดอย่างละเอียด เพื่อความแม่นยำสูงสุดและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
  • ความเข้าใจเรื่องโครงสร้างกระดูกและเส้นประสาท ศัลยแพทย์มีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในกายวิภาคของใบหน้า ทำให้วางแผนผ่าตัดได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย

รีวิวคนไข้จริง

ศัลยแพทย์โครงหน้าที่อียู

ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมโครงหน้าอียู ศัลยแพทย์มุ่งเน้นการลดขนาดโหนกแก้มที่ยื่นออกมา เพื่อให้ใบหน้าที่ดูกว้างกลับมามีมิติที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะมองจากมุมใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณหมอคิมจงยุน และคุณหมอชินฮีจิน ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง สามารถทำการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย แม้ในบริเวณโหนกแก้มจะมีเส้นประสาทและเส้นเลือดจำนวนมากก็ตาม

สรุป

การศัลยกรรมลดโหนกแก้มเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กและสมส่วนมากขึ้น แม้จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวร แต่ผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เข้าใจทั้งข้อดีและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจ การเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

โรงพยาบาลศัลยกรรมขากรรไกรและโครงหน้าอียู พร้อมให้บริการด้วยเทคนิค MAX-L ที่พัฒนาขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัย ภายใต้การดูแลของทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมระบบ CT Scan 3 มิติเพื่อการวางแผนที่แม่นยำ เพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด